Skip to main content

Facebook Pixel - คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร เอาไปใช้อย่างไร




Facebook Pixel อาจจะเป็นเรื่องใหม่ของนักการตลาดบางคน หรือ อาจจะไม่ใหม่แล้วสำหรับบางคน Facebook ได้ปล่อยตัว Facebook Pixel มาให้นักการตลาดออนไลน์ (Online Marketer) อย่างเราๆ มาให้ใช้สักระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังมีบางคนที่ยังไม่รู้ว่า เจ้าตัว Facebook Pixel มันคืออะไร มันมีประโยชน์ยังไง และ จะเอาไปใช้ยังไง วันนี้เรามาทำความรู้จักกับเจ้าตัว Facebook Pixel นี่กันเลย

1. Facebook Pixel คืออะไร

    ถ้าจะพูดในเชิงเทคนิค Facebook Pixel มันก็คือ Code จำนวนไม่กี่บรรทัด ที่เราสามารถนำเอามาแปะไว้ใน Website ของเราๆ โดยมันจะทำหน้าที่ในการ Track ผู้เข้าชม (Visitors) เวปไซต์ของเรา หรือ พูดอีกอย่างมันทำหน้าที่เป็น Analytic Tool หรือ อารมณ์ประมาณ Google Analytics แต่มันจะไม่เหมือนกันซะทีเดียว

   การทำงานของเจ้า Facebook Pixel หลักๆ ก็คือเมื่อมีคนเข้ามาเยี่ยมชมเวปไซต์ของคุณและมีการกระทำอะไรเกิดขึ้นในเวปไซต์ เช่น สั่งซื้อของ เจ้าตัว Pixel นี้ก็จะทำการส่งข้อมูลเข้ามาในระบบ ทำให้คุณรู้ว่ามีคนสั่งซื้อของเกิดขึ้นหลังจากที่ดู Facebook Ads ของคุณ

2. Facebook Pixel มีประโยชน์อย่างไร

     2.1 Track Conversion  จากที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่า เจ้าตัว Pixel จะส่งข้อมูลเข้ามาในระบบเมื่อมีการกระทำใดๆ เกิดขึ้นในเวปไซต์ หลังจากที่ผู้เข้าชม เข้ามาเวปไซต์ของเราหลังจากคลิก  Facebook Ads ของเรา ซึ่งตรงนี้ก็จะทำให้เราสามารถ Track Conversion ที่เกิดขึ้นได้ หรือ ดูว่า หลังจาก คลิก Facebook Ad ของเราแล้ว ผู้เข้าชมมีปฎิสัมพันธ์ กับ เวปไซต์ของเราอย่างไร หรือ แม้กระทั่งดูว่าผู้เข้าชมมีพฤติกรรมที่เหมือนเดิม หรือ ต่างจากเดิม อย่างไร เมื่อเข้าชมเวปไซต์ โดยผ่าน device ที่ต่างกัน เช่น เข้าเวปไซต์โดยใช้ Smart Phone กับ Laptop

           ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ จะช่วยให้นักการตลาดออนไลน์ ทำการปรับแต่ง ปรับเปลี่ยน กลยุทธ์ ในการทำ Facebook  Ads ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

     2.2 Re-targeting หรือ Re-marketing  จากข้อมูลต่างๆ ที่เจ้าตัว Facebook Pixel จะเก็บรวมรวมมาให้เราที่ได้กล่าวข้างต้น จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการที่เราจะนำมาใช้ในการทำ Re-targeting หรือ Re-marketing เช่น เราสามารถ Set Ads ของเรา ให้โชว์ กับกลุ่ม Audience ที่อาจจะ เคยเข้ามาเยี่ยมชมเวปไซต์ของเรา ให้เห็นซ้ำอีกครั้ง เพื่ออาจจะกระตุ้นให้เกิดการซื้อสินค้า หรือ บริการของคุณ

     หรือ คุณอาจจะเห็นว่า กลุ่ม Audience บางกลุ่มเข้ามาถึงหน้า Product Detail ของ Product บางตัวแต่ไม่ยอม Add to Cart หรือ Make Payment คราวหน้าเราอาจจะ แสดง Ad ของเราซึ่งมาพร้อมกับ Promotion ใหม่ๆ เช่น ลด 50 % หรือ Buy 1 Get 1 Free ให้กับกลุ่ม Audience กลุ่มนี้ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อ เกิดขึ้น 

     2.3 สร้าง กลุ่ม Audience ที่มีประสิทธิภาพ   ข้อมูลที่เจ้าตัว Facebook Pixel เก็บรวบรวมมาให้นี่ ถือเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มาก โดยเฉพาะกับการทำ Facebook Ads ซึ่งจะทำให้เรา กำหนดกลุ่ม Audience ที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ยกตัวอย่าง เช่น จากข้อมูลเราจะเห็นได้ว่า กลุ่ม Audience ที่มีอายุในช่วงนี้ ๆ จะเข้าเยี่ยมชมหน้า Product ประเภทนี้ หรือ ยี่ห้อนี้ ค่อนข้างบ่อย ทำให้เรา สามารถสร้าง Ads โดยกำหนด Detailed Targeting ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น

ใน Post หน้าเราจะมาพูดถึงว่าเราจะเอา Code ของเจ้าตัว Facebook Pixel ไปแปะในเวปไซต์เราได้อย่างไร และมีรายละเอียดปลีกย่อยอะไรในการ Set Up บ้าง  เช่น Standard Events ซึ่งมีถึง 9 Events ได้แก่

      1. View Content
      2. Search
      3. Add to Cart
      4. Add to Wish list
      5. Initiate Checkout
      6. Add Payment Info
      7. Make Purchase
      8. Lead
      9. Complete Registration


Comments

Popular posts from this blog

สร้าง Google Account ด้วย Email บริษัทไม่ใช้ Gmail

การที่จะใช้บริการต่างๆ ของ Google เช่น Google Drive, Google Doc, Google Spreadsheet, Google + หรือ จะ Add บริษัทเข้าไปที่ Google Map ผ่าน Google My Business จำเป็นที่เราจะต้องมี Google Account ซึ่งส่วนใหญ่คนก็จะใช้ Gmail  แต่บางคน รวมถึงผมด้วย ขี้เกียจที่จะไป Create new Gmail account ขึ้นมา แล้วไหนยังจะต้องมาคอยจำ Account ใหม่ที่สร้างขึ้นมาอีก ไหนๆ เราก็ใช้ Email บริษัททุกๆ วัน Username และ Password ก็จำได้ขึ้นใจ งั้นเรามาสร้าง Google Account จาก Email บริษัทที่เราใช้กันอยู่ ทุกๆ วันดีกว่า ขั้นแรก ไปที่  https:// accounts . google .com/SignUpWithoutG mail   จากนั้นก็กรอกข้อมูลต่างๆ โดยที่ช่อง Your Email Address ก็ให้ใส่ Email บริษัทที่คุณต้องการใช้ในการสร้าง Google  Account และ Password เราก็อาจจะใช้ Password ที่เราใช้กับ Email บริษัทที่เราใช้อยู่ก็ได้ จะได้ไม่ต้องจำ Password หลายอัน กรอกเสร็จแล้วก็กด Next step  ระบบอาจจะให้ ให้ทำการ Verify Account โดยทำได้ 2 วิธีคือให้ส่ง Code มาทาง SMS หรือ ให้ระบบของ Google โทรมาบอก Code ซึ่งเราก็ต้องใส่เบอร์โทรศัพท์

Google Backup and Sync ติดตั้งและใช้งาน

หลังจากที่ Google ประกาศว่า จะยกเลิกการ Support Google Drive App บน PC ในเดือน ธันวาคม โดยให้หันไปใช้ตัว Back Up and Sync แทน หรือ ในระดับองค์กรที่ใช้ G Suite ให้ไปใช้ Drive File Stream แทน วันนี้ก็เลย จะมาแนะนำการ Download และ ติดตั้งตัว Back Up and Sync ซึ่งจริงๆ มันก็คล้ายกับ App Google Drive ที่เคยใช้กันบน PC นี่แหละ 1. ไป Download Google Backup and Sync ที่ https://www.google.com/intl/en-GB_ALL/drive/download/   2.  จากนั้นเราจะได้ File installbackupandsync.exe ก็ให้ Double Click เพื่อทำการติดตั้ง และ เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วก็จะมี หน้าต่างนี้ขึ้นมา     ให้เรากด GET STARTED เพื่อไปขั้นตอนต่อไป  3. โปรแกรมจะให้เราใส่ Username และ Password ของ Account Google Drive ของเรา  4. ขั้นตอนต่อไปให้เราเลือก Folder ใน Computer ของเราที่จะเอาไว้เก็บ File และ Sync กับ Google Drive ของเรา ซึ่ง Folder นี้เราก็ควรจะสร้างเตรียมไว้ก่อน   5. เมื่อเลือก Folder แล้ว โปรแกรมก็จะทำการ Sync Google Drive กับ Computer ของเรา   เท่านี้ก็เป็นอันเรียบ

Feedly - ตัวช่วยในการรวมบทความไว้อ่านในที่เดียว

ในการทำงานของบางสาขาอาชีพ อย่างเช่น งาน IT งาน Online Digital Marketing นั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการ Update ความรู้ ข่าวสารอย่างสม่ำเสมอ เพราะ เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงเร็วมาก แหล่งที่เอาไว้อ่านข้อมูล ข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับเรื่อง IT หรือ Online Marketing นั้นก็ไม่พ้นพวก Blog ต่างๆ และ ปกติ ก็มักจะไม่ได้อ่านจาก Blog แค่ Blog เดียว อย่างผมก็จะอ่านจาก หลายๆ Blog เพราะ แต่ละ Blog ก็จะมีจุดแข็ง หรือ ความเชี่ยวชาญไม่เหมือนกัน อย่างเรื่อง Online Marketing นั้น Blog นี้อาจจะถนัดเรื่อง SEO ในขณะที่ Blog นี้อาจจะเชี่ยวชาญเรื่อง Google Adwords หรือ Facebook Ads แต่จะเปิด Browser หลายๆ Tab แล้วเปิดอ่านทีละ Blog ก็ดูจะยุ่งยาก ไม่ค่อยสะดวก เสียเวลา ยิ่งอ่านจาก Mobile บางทีเสียอารมณ์ วันนี้มีตัวช่วยจะมาแนะนำ เป็นเวปไซต์หนึ่งชื่อว่า Feedly ซึ่งสามารถช่วยเรารวบรวม Blog ต่างๆ ที่เราสนใจเอาไว้ในที่เดียวผ่านทาง RSS Feed มาลองใช้กันเลยดีกว่า ขั้นแรกไปที่ https://feedly.com แล้วกดที่ GET STARTED FOR FREE เราสามารถเลือกที่จะ Login โดยใช้ Google Account, Feedly Account หรือ Facebook Account อย่างของ